ในโลกปัจจุบัน เรามีการอุปกรณ์ที่่มี GPS เข้ามาใช้เป็นประจำ ทั้งใช้เป็นแผนที่และไกด์เดินทาง เป็นตัวติดตามสิ่งต่างๆของตัวเรา จากอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่ หรือจอมือถือก็กลายมาเป็นนาฬิกา GPS ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะใช้สะดวกสบายและมีน้ำหนักน้อย ทั้งในวงการนักวิ่ง และนักออกกำลังกาย ก็มีการดีไซน์ออกมาให้ทั้งวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดัน ก้าวของการเดิน แคลอรี่ที่เผาผลาญ แต่มันช่วยทำให้เราวิ่งได้มีประสิทธิภาพจริงหรือเปล่า เรื่องนี้ ได้มีเทรนเนอร์ ชาวอังกฤษ ได้ออกมาแสดงความเห็น
ในนิตยสาร Women’s running ได้สอบถามความเห็น Personal Training 2 ท่าน
คีท แมคนิเวน ผู้ก่อตั้ง London Personal training company ได้ออกมากล่าวให้ความเห็นว่า ตอนที่คุณฝึกวิ่งแรกๆ คุณอาจไม่ได้ใส่ใจว่าต้องการวัดว่าคุณวิ่งได้เป็นอย่างไรบ้าง เพียงแต่ต้องการให้สามารถวิ่งต่อไปได้ แต่เมื่อคุณได้วิ่งไปซักระยะหนึ่งจนคุณพัฒนาการวิ่งแล้ว นาฬิกา GPS ก็เป็นของมีค่าที่ทำให้เราพัฒนาการวิ่งได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และทำให้เรามีความท้าทายให้วิ่งได้ดีขึ้น หรือระยะมากขึ้นต่อไปทุกๆวัน และคีท คิดว่าการที่จะฝึกวิ่งที่มีเป้าหมายแบบฮาล์ฟมาราธอน (half marathon) หรือการวิ่งที่มีระยะทางไกล การใช้ GPS เพื่อฝึกฝนก็ได้ผลดีเช่นกัน หลายๆคนจะใช้มือถือ แต่แบบนาฬิกาจะมีความแม่นยำมากกว่าโดยเฉพาะการติดตามอัตราการเต้นหัวใจ หรือ แคลอรี่ที่เผาผลาญ ซึ่งค่อนข้างเป็นเครื่องมืออุดมคติของผู้ต้องการลดน้ำหนักหรือ คนที่ออกกำลังกายแบบตั้งเป้าหมาย และท้ายสุดเขาได้คิดว่านาฬิกา GPS เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้กระตุ้นคนวิ่งหรือคนที่ออกกำลังกายให้มี commitment ในการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ แมรี่ สเปรคลีย์ ผู้ก่อตั้ง London Weight Loss Clinic ได้ออกความเห็นในทางตรงข้ามว่า ตั้งแต่เมื่อ Garmin Forerunner 101 ได้ออกมาเมื่อปี 2003 นั้น ตลาดนาฬิกาและอุปกรณ์ GPS ก็ถูกนำเสนออย่างล้นหลามในท้องตลาด แต่ว่า อุปกรณ์พวกนี้เป็นการลดความบันเทิงหรือความสนุกที่ได้จากการวิ่ง และลดคุณภาพการออกกำลังกาย แมรี่คิดว่าอุปกรณ์ทำให้ทางคนออกกำลังรู้สึกเครียดและกดดันเพื่อจะเพิ่มระดับการวิ่งหรือการออกกำลังกายของตัวเองมากเกินไป ซึ่งแมรี่ได้พูดว่า ในปี 2017 มหาวิทยาลัยอูลสเตอร์ (Ulster University) พบว่า อุปกรณ์ GPS ทำให้มีแนวโน้มในการลดจำนวนก้าวลง และการจดจ่ออยู่กับระดับของผู้วิ่งที่ทำได้ และทำให้เกิดปัญหาการบาดเจ็บได้ง่ายด้วย เขาจึงไม่คิดว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะเป็นอะไรที่ทำให้ผู้วิ่งได้ดีอย่างที่คิดไว้ ทางคุณมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง เมื่อได้อ่านบทความนี้ ทางทีม Spinnr คิดว่าอุปกรณ์นี้ ผู้คิดค้น คงมีเจตนาที่ดีที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการฝึก เหมือนเป็นโค้ชเรียลไทม์ ให้กับนักวิ่งหรือนักกีฬา เพียงแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ และผู้ใช้จึงต้องใช้แบบระมัดระวังและต้องกะเกณฑ์ การเพิ่มระดับตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย ตลอดจนการนิสัยการรับประทานอาหารส่วนตัวด้วย ซึ่งแน่นอนว่าต่างคนคงมีวิธีการใช้เครื่องมือประเภทนี้ที่ต่างๆกันไป บางคนใช้เป็นเครื่องมือที่ใช้แข่งขันกับเพื่อน บางคนไว้ใช้แข่งกับตัวเอง และบางคนใช้เก็บรายละเอียดว่าตนเองไปวิ่งที่ไหนมาบ้าง ทั้งนี้หากระมัดระวังเมื่อก้มหยุดดูนาฬิกา ก็อาจไม่ได้หักโหมเกินไป ขอบคุณข้อมูลจาก Women’s running ฉบับ February 2019
Comments